เมนู

อรรถกถาชีวิตินทริยกถา



ว่าด้วย ชีวิตินทรีย์



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องชีวิตินทรีย์. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความเห็น
ผิดว่า ชื่อว่า ชีวิตินทรีย์เป็นธรรมไม่มีรูปไม่ประกอบกับจิต ฉะนั้นจึงว่า
รูปชีวิตินทรีย์ไม่มี ดังนี้ ดุจลัทธิของนิกายปุพพเสลิยะและสมิติยะ
ทั้งหลาย คำถามของสกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของ
ปรวาที.
ในปัญหาว่า อายุ...ไม่มีแก่รูปธรรมทั้งหลาย อธิบายว่า ปรวาที
นั้น ย่อมปรารถนาคำว่า อายุ ความดำรงอยู่ ความเป็นไปอยู่ กิริยาที่เป็น
ไปอยู่ อาการที่สืบเนื่องกันอยู่ ความประพฤติเป็นไปอยู่ ความหล่อเลี้ยง
อยู่ ที่เป็นไปด้วยสามารถแห่งความสืบต่อแห่งอุปาทินนรูปบ้าง แห่ง
อนุปาทินนรูปมีต้นหญ้าและหมู่ไม้เป็นต้นบ้าง ฉะนั้น จึงตอบปฏิเสธ. แม้
ในปัญหาว่า มีอยู่ ก็ตอบรับรองด้วยเหตุนี้. ในปัญหาว่า อรูปชีวิตินทรีย์
มีอยู่หรือ
ปรวาที ปรารถนาว่า ชื่อว่าความสืบต่อของชีวิตินทรีย์ที่ไม่
ประกอบกับจิตแห่งอรูปธรรมทั้งหลาย ฉะนั้น จึงตอบรับรอง. ในปัญหา
ว่า อายุของรูปธรรมทั้งหลายเป็นอรูปชีวิตินทรีย์หรือ อธิบายว่า
ชีวิตินทรีย์ที่เป็นรูปธรรมก็ดี ที่เป็นอรูปธรรมก็ดี มีอยู่ในสันดานแห่ง
สัตว์ แต่ปรวาทีปรารถนาซึ่งอรูปชีวิตินทรีย์ที่เป็นจิตตวิปปุตแห่งสัตว์
ทั้งปวงนั่นแหละ เพราะฉะนั้น จึงตอบรับรอง. แม้ในปัญหาว่าด้วย ผู้เข้า
นิโรธสมบัติ
ปรวาทีหมายเอาอรูปชีวิตินทรีย์ที่เป็นจิตตวิปปยุตนั่นแหละ
จึงตอบปฏิเสธบ้าง ตอบรับรองบ้าง. ฝ่ายสกวาที เมื่อไม่รับรองคำนั้น

จึงกล่าวว่า หากว่า เป็นต้น เพื่อท้วงด้วยคำว่า เมื่ออรูปไม่เป็นไปอยู่
รูปก็พึงมีอยู่ได้.
ในปัญหาว่าด้วย สังขารขันธ์ ปรวาทีหมายเอาสังขารขันธ์มี
ผัสสะ เป็นต้น จึงตอบปฏิเสธ แต่ตอบรับรองหมายเอาสังขารขันธ์มี
กายกรรมเป็นต้น. ลัทธิของปรวาทีว่า ธรรมทั้งหลาย มีกายวิญญัติ
วจีวิญญัติ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ และชีวิตินทรีย์ เป็นต้นว่าเป็นธรรม
เนื่องด้วยสังขารขันธ์ ดังนี้. แต่สกวาทีเมื่อไม่ตอบรับรองคำนั้น จึง
กล่าวว่า ผู้เข้านิโรธมีเวทนาขันธ์ เป็นต้น เพื่อท้วงว่า ถ้าว่าความเป็น
ไปแห่งอรูป แม้ดับไปแล้วสังขารขันธ์ยังมีอยู่ไซร้ นามขันธ์ 4 ก็ต้องมีอยู่
ดังนี้. ปรวาทีตอบปฏิเสธ เพราะหมายเอาภายในสมาบัติ ย่อมตอบ
รับรองหมายเอาเบื้องต้นและเบื้องปลายของผู้เข้าสมาบัติและผู้ออกจาก
สมาบัติ. แม้ในวาระว่าด้วย อสัญญสัตว์ ก็นัยนี้นั่นแหละ. จริงอยู่ เพราะ
ลัทธินั้นว่า ในกาลปฏิสนธิแห่งอสัญญสัตว์ทั้งหลาย จิตเกิดขึ้นแล้วก็ดับ
ไป อรูปชีวิตินทรีย์ที่เป็นจิตตวิปปยุตกับจิตนั้นเกิดขึ้นแล้วก็เป็นไป
ตลอดจนสิ้นอายุ เพราะฉะนั้น เมื่อถูกสกวาทีถามว่า อสัญญสัตว์ทั้งหลาย
ไม่มีชีวิตินทรีย์หรือ
จึงตอบปฏิเสธ. ถูกถามว่า มีชีวิตตินทรีย์หรือ
ก็ตอบรับรอง. ย่อมปฏิเสธแม้ซึ่งเวทนาขันธ์ เป็นต้น ด้วยสามารถแห่ง
ปวัตติกาลของอสัญญสัตว์เหล่านั้น ย่อมตอบรับรองด้วยสามารถแห่ง
ปฏิสนธิกาลของอสัญญสัตว์เหล่านั้น. ก็สกวาที เมื่อไม่ต้องการคำนั้น
จึงกล่าวว่า เป็นปัญจโวการภพ เป็นต้น เพื่อท้วงว่า ถ้าว่าในอสัญญสัตว์
เหล่านั้นมีเวทนาเป็นต้นแม้แต่เพียงขณะหนึ่งไซร้ อสัญญสัตว์นั้นก็นับ
ว่าเป็นปัญจโวการภพ ปรวาทีตอบปฏิเสธเพราะกลัวผิดจากพระสูตร.

ในปัญหาว่า จิตดวงแสวงหาอุบัติดับไปส่วนหนึ่ง อธิบายว่า
ลัทธิของปรวาทีนั้นว่า ธรรมที่สัมปยุตกันย่อมแตกดับไป แต่ธรรมที่
วิปปยุตกันย่อมตั้งอยู่ เพราะฉะนั้น จึงตอบรับรอง. คำถามของปรวาที
ว่า ชีวิตินทรีย์เป็น 2 หรือ คำตอบรับรองเป็นของสกวาที. จริงอยู่
รูปชีวิตินทรีย์ และอรูปชีวิตินทรีย์มีอยู่ ท่านจึงกล่าวว่าสัตว์ย่อมเป็นอยู่
ด้วยชีวิตินทรีย์ทั้ง 2 นั้นนั่นแหละ ย่อมตายเพราะการแตกดับแห่งชีวิตินทรีย์
ทั้ง 2 นั้น. ก็ในขณะจุติ ชีวิตินทรีย์แม้ทั้ง 2 ย่อมแตกดับพร้อมกัน
นั่นเทียว ดังนี้.
อรรถกถาชีวิตินทริยกถา จบ

กรรมเหตุกถา



[1303] สกวาที พระอรหันต์เสื่อมจากอรหัตตผลได้ เพราะเหตุ
แห่งกรรมหรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. พระโสดาบัน เสื่อมจากโสดาปัตติผลได้ เพราะเหตุ
แห่งกรรมหรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. พระอรหันต์เสื่อมจากอรหัตผลได้ เพราะเหตุแห่ง
กรรมหรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระสกทาคามี ฯลฯ พระอนาคามี เสื่อมจากอนาคา-
มิผลได้ เพราะเหตุแห่งกรรมหรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1304] ส. โสดาบัน ไม่เสื่อมจากโสดาปัตติผล เพราะเหตุแห่ง
กรรมหรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระอรหันต์ ไม่เสื่อมจากอรหัตผล เพราะเหตุแห่ง
กรรมหรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. พระสกทาคามี ฯลฯ พระอนาคามี ไม่เสื่อมจาก
อนาคามิผล เพราะเหตุแห่งกรรมหรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระอรหันต์ไม่เสื่อมจากอรหัตผล เพราะเหตุแห่ง
กรรมหรือ ?